อาการเมื่อยล้าทางสายตา (Eye Strain) หรือ Computer Vision Syndrome เป็นอาการที่พบเห็นกันได้บ่อยครั้งจากผู้ใช้งานเครื่องมืออิเลกทรอนิกส์ อย่างโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุค หรือไอแพดเป็นระยะเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมง ผู้ใช้งานจะมีอาการตาพร่ามัว ปวดหัว ตาแห้ง ตาล้า หรือน้ำตาไหลตลอดเวลา สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้ จะเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราว เมื่อหยุดใช้คอมพิวเตอร์หรือพักสายตาสักพัก อาการเหล่านี้ก็หายไป แต่หากคุณจ้องคอมพิวเตอร์ยาวนานถึง 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น อาการดังกล่าวก็จะเกิดวนซ้ำไปมาเรื่อยๆ
เมื่อเราใช้สายตามองตัวอักษรหรือรูปภาพในคอมพิวเตอร์ จะสังเกตได้ว่าอัตราการกระพริบตาจะน้อยกว่าการใช้สายตามองกระดาษเพื่ออ่านตัวหนังสือ ซึ่งผลที่ตามมาจากการอ่านสกรีนหรือจอเครื่องมืออิเลกทรอนิกส์ คืออาการตาแห้ง นอกจากนี้ค่า Contrast และความชัดเจนของตัวอักษรและรูปภาพบนจอนั้นยังสู้บนกระดาษหนังสือทั่วไปไม่ได้ ดังนั้นผู้ใช้งานจึงต้องใช้สายตาเพ่งมองจอมากขึ้น ทำให้ตาทำงานหนักมากขึ้นและอาการที่ตามมาคืออาการตาล้า
ระหว่างการใช้งานคอมพิวเตอร์ โน้ตบุค ผู้ใช้งานควรนั่งหลังตรง หลังแนบพนักพิง จอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ห่างประมาณ 20 – 28 นิ้วหรือ 2 ฟุต โดยปรับความสูงให้ด้านบนสุดอยู่ในแนวเดียวกับสายตา และให้อยู่ในระดับการก้มของศีรษะลงมาประมาณ 15 – 20 องศา และทุก 20 นาทีให้คุณละสายตาจากจอ 20 วินาทีมองอะไรก็ได้ที่อยู่ห่างออกไปอีก 20 ฟุต จักษุแพทย์และผู้เชี่ยวชาญการวัดสายตาต่างเรียกการกระทำนี้ว่า กฎ 20-20-20 และหลังจากใช้คอมพิวเตอร์ไปแล้ว 2 ชั่วโมงให้คุณพักสายตาเป็นเวลา 15 นาที
การใส่แว่นตาในระหว่างการใช้งานถือเป็นการช่วยลดค่า Contrast เพื่อถนอมสายตาและลดการทำงานของสายตาไม่ให้หนักมากเกินไป ทั้งนี้การใส่คอนแทคเลนส์แทนการใส่แว่นอาจทำให้การมองเห็นยิ่งเบลอ และตาแห้งไปอีกเพราะตอนใส่คอนแทคเลนส์คุณจะกระพริบตาน้อยกว่าการใส่แว่นหรือใช้ตาเปล่าอยู่แล้ว ดังนั้นการใส่แว่นแทนอาจดีกว่า หรือหากเลี่ยงคอนแทคเลนส์ไม่ได้ แนะนำให้คุณใช้น้ำยาหยอดตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับตา
การใช้สายตานานๆ จ้องมองจอคอมพิวเตอร์ไม่อาจทำให้คุณตาบอดได้ แต่อาการตาพร่ามัว ปวดหัว ตาแห้ง ตาล้า หรือน้ำตาไหลตลอดเวลาจะเกิดขึ้น หากปล่อยไว้นานก็อาจเรื้อรังรักษาได้ยาก ดังนั้นเมื่อมีอาการควรรีบปรึกษาแพทย์และดูแลถนอมสายตาให้ได้มากที่สุด
